วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สูตรเหยื่อตกปลานิลสูตรที่ 1


เหยื่อตกปลานิลที่ธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา

ปลานิลมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ทวิปแอฟริกาโดยพบได้ทั่วไปตามหนองบึงและทะเลสบในประเทศซูดานยูกันดาโดยเจ้าปลานิลนี้ได้เข้ามาในประเทศไทยครั้งแรกโดยสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะได้ทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2508 โดยถวายเป็นจำนวนทั้งสิ้น 50 ตัว โปรดเกล้าฯให้เลี้ยงปลานิลในสวนจิตรลดา

นิสัยของเจ้าปลานิลนี้ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงและอาหารปลานิลนั้นเป็นจำพวกไรน้ำตะไคร่น้ำตัวอร่อนแมลงกุ้งฝอยผักบุ้งหลังจากที่เราได้พอทราบนิสัยของเจ้าปลานิลและแหล่งกำเนิดที่มากันแล้วเรามาดู ว่าเราจะใช้เหยื่อตกปลานิลแบบไหนกันดีวันนี้ผมจะมีสูตรเหยื่อตกปลานิลมาฝากพี่ ๆ เพื่อน ๆ นักตกปลา

สูตรเหยื่อตกปลานิลสูตรที่ 1
ส่วนผสมเหยื่อตกปลานิล

โอเมก้า 2 จำนวน 2 ถุง (ถ้าไม่มีให้ใช้ขนมปังปั่นละเอียด)
ไข่ไก่หรือไข่เป็ด (แนะนำให้เป็นไข่ไก่): 3 ฟอง
เหมยเขียว 1 ถุง
หัวอาหารสำหรับปลาเกล็ดเล็ก 4 กำมือ
รำอ่อนข้าวหอม 1 กิโล (ร่อนให้ละเอียดจะดีมาก)
หัวเชื่อตกปลาซูปเปอร์แจค 1 ขวด (แนะนำสีแดง)
** จากสูตรทั้งหมดมาถ้าหาบางอย่างไม่ได้ลองปรับใช้ดูนะครับ **

ขั้นตอนการทำสูตรเหยื่อตกปลานิลสูตร 1
ให้นำเอาไข่ไก่กับหัวเชื้อตกปลาซุปเปอร์แจคและน้ำเปล่าน้ำฝนหรือน้ำบ่อที่จะตกน้ำเปล่าครึ่งขัน (ห้ามใช้น้ำปะปา) ผสมกันและนำเอาหัวอาหารปลาเกล็ดเล็ก 2 กำมือลงไปแช่ประมาณ 5-6 นาทีพอนิ่ม ๆ แล้วใช้มือบีบให้เละหลังจากนั้นนำเอาส่วนผสมที่เหลือ 3 อย่างคือเทโอเมก้า 2 รำอ่อนเหมยเขียวลงไปนวดให้นิ่มใส่หัวอาหารปลาเกล็ดอีก 2 กำมือไม่ต้องนวดแล้วหมักไว้ 1 คืนหลังจากนั้นนำไปตกปลานิลได้ทันที

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

การตกปลาน้ำจืด

เทคนิคการตกปลาน้ำจืด
แบ่งเป็น 2 ประเภท 1. ประเภทตกด้วยเหยื่อสด 2. ประเภทตกด้วยเหยื่อปลอม
======================================
ประเภทที่ตกด้วยเหยื่อสด


   1. เหยื่อไส้เดือนใช้ตกปลาแขยงปลากดเหลืองปลากดคังปลาบู่ปลาฉลาด ฯลฯ วิธีการก็คือ ฝังคมเบ็ดเข้าทางหัวใหญ่ของตัวใส้เดือนจนมิดเบ็ดแล้วปล่อยไว้ทั้งตัว ปล่อยเหยื่อลงสู่พื้นดินแล้วหมุนรอกกลับไปให้สายตึงให้เหยื่อไส้เดือนอยู่ที่พื้นรอปลากินเหยื่อส่วนใหญ่จะเป็นพวกปลาแขยงปลากดปลากดคังปลาฉลาดถ้าจะตกปลาคังหรือปลากดอาจใช้ ตัวเบ็ดใหญ่อีกหน่อยเพราะปลาพวกนี้ปากกว้าง ควรใช้เหยื่อไส้เดือนเกี่ยวหลายๆตัวรวมกันเป็นพวง ใช้ตกปลาคังจะได้ตัวค่อนข้างใหญ่

2. เหยื่อแมลงสาปขาวตกปลาแขยงปลากดเหลืองปลาฉลาดและปลาแรด ต้องเข้าใจก่อนว่าตัวแมลงสาปขาวคือเจ้าแมลงสาปแดงนี่แหละ แต่ที่มีสีขาวคือตอนที่มันลอกคราบตัวอ่อนมันจะมีสีขาว ถ้าถูกแสงแรง ๆ จะออกสีแดงทันทีและมีกลิ่นสาปแรงด้วย ฉะนั้นการเก็บรักษาจะนิยมจับใส่ขวดลิโพแล้วห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์อีกชั้นหนึ่งกันแสงเข้า จะทำให้มันมีสีขาวตลอด เวลานำมาใช้ส่วนมากแมลงสาปขาวมักจะตาย การนำเอาไปใช้จะต้องเก็บไว้ในความเย็น การเกี่ยวเบ็ด ให้เจาะคมเบ็ดลงกลางหัวให้ทะลุอีกด้านหนึ่ง แล้วค่อยเกี่ยวเข้าทะลุลำตัวใหญ่แล้วหย่อนเหยื่อให้ถึงพื้นดิน แต่ถ้าเป็นปลาแรดต้องปล่อยให้ลึกจากผิวน้ำประมาณ 1 ศอก

3. เหยื่อกุ้งสดกุ้งเป็นตกพวกปลาหมอตาและปลาหมอโค้วปลาแรดใช้กุ้งเป็น ๆ กุ้งสดใช้ตกปลาแขยงถ้าเป็นเหยื่อกุ้งสดให้ฝังคมเบ็ดเข้าหางด้านในให้ตัวเบ็ดฝังไปตามตัวกุ้ง ทำตัวกุ้งให้เหยียดตรงให้ปลายคมเบ็ดโผล่กลางท้อง ถ้าเป็นกุ้งเป็นให้เอาคมเบ็ดเกี่ยวเปลือกด้านในออกด้านหลัง ไม่เกี่ยวลึกมากจะทำให้กุ้งตายต้องเกี่ยวติดเหลือด้านข้างถ้าตกปลกแรดก็วางเบ็ดค่อนข้างตื้นลึกจากผิวน้ำไม่เกิน 1 ศอก แต่ถ้าตกปลาหมอโค้งหรือปลาหมอตาก็ควรลงลึกไปประมาณกลางๆน้ำไม่ต้อง ถึงดิน แต่ถ้าตกพวกปลากดปลาแขยงก็ต้องลงเหยื่อให้ถึงพื้นดิน เหยื่อกุ้งสดหรือกุ้งเป็นก็เป็นที่ชื่นชอบของปลากดและปลาคังเช่นกัน

4. เหยื่อแมลงปอใช้ตกปลาแรดปลาหมอปลาหมอโค้ว 5. ปลาหมอตะกรับ วิธีเกี่ยวแมลงปอให้เกี่ยวคมเบ็ดเข้าทางหางร้อยให้คมเบ็ดโผล่กลางอก ถ้าใช้ปลาแรดให้หย่อนลงจากผิวน้ำประมาณ 1 ศอก แต่ถ้าเป็นปลาหมอโค้วหรือปลาหมอตาลให้หย่อนลึกประมาณกลางน้ำ หรือเกือบถึงพื้นขึ้นอยู่กับแหล่งปลาด้วย









5. เหยื่อสูตรผสมพวกขนมปังปนรำใส่หัวเชื้อนมแมวใช้ตกปลากระมังปลากระแหปลาตะพากจากการทดลองมาหลายปีพบว่าสูตรสำหรับผสมจะเป็นขนมปังสด ผสมกับรำละเอียดและใส่หัวเชื้อน้ำหอมกลิ่นนมแมว ผสมให้เข้ากันให้พอหมาด ๆ ระวังอย่าให้เหลวเพื่อให้ติดกับเบ็ดแน่น ๆ ไม่หลุดง่าย

ที่แพน้ำโจนนี้เหยื่อผสมจะใช้ตกปลากระมังเป็นหลัก เพราะมีค่อนข้างชุกชุมเวลาตกควรใช้ลูกหมุน 3 ทางแล้วผูกเบ็ด 2 ตัวควรใช้เบ็ดขนาดเบอร์ 5 กำลังดีขณะตกให้หย่อนเหยื่อลงสู่พื้นล่างและดึงสายตรึงให้ตะกั่วลอยจากพื้นให้เหยื่อนอนอยู่ที่พื้นรอ ปลากินเหยื่อ แต่การใช้เหยื่อขนมปังรำนี้ถ้าลงเหยื่อนานไปเหยื่อจะหมดต้องเอาเหยื่อขึ้นดูบ่อยๆหน่อยปกติหย่อนเหยื่อลงไปซักครู่ พอเหยื่อถึงพื้นสักเดี๋ยวจะถูกปลาตอดเหยื่อแล้ว เทคนิคก็คือ เมื่อหย่อนเหยื่อแล้วต้องปั้นเหยื่อเม็ดเล็กขนาดเม็ดถั่วเขียวหย่อนตรงบริเวณสายเบ็ดที่เราตกอยู่ เพื่อให้ปลาเข้ามาวนกินเหยื่อที่อ่อยไว้ จะทำให้เราตกปลาได้ตลอดเวลา

======================================


 ประเภทการตกด้วยเหยื่อปลอมแบ่งเป็น 3 วิธีคือ

1. การตกปลาด้วยเหยื่อปลอมแบบผิวน้ำการตกเหยื่อปลอมแบบผิวน้ำวิธีนี้มีมาประมาณ 10 ปีแล้วการตกเหยื่อปลอมผิวน้ำหรือที่เรียกเหยื่อชนิดนี้ว่าเหยื่อบล๊อก ๆ เป็นเหยื่อปลาปลอมติดใบพัด ใบพัดมีหน้าที่เป็นเสียงเรียกให้ปลาสนใจแล้วมองเห็นปลาปลอม มันจึงไล่กัด
ส่วนมากเรามีไว้ตกปลาชะโด แต่เจ้าปลากระสูบก็กินเหมือนกัน แต่จะเป็นปลากระสูบขนาดใหญ่เท่านั้น ฉะนั้นแล้วเจ้าเหยื่อบล๊อกๆนี้มีไว้เพื่อปราบชะโดเป็นหลัก วิธีใช้เหยื่อบล๊อก ๆ ที่ถูกต้อง ตัวเหยื่อบล๊อกๆจะเป็นเหยื่อที่มีน้ำหนักมาก ต้องใช้สายใหญ่หน่อยควรเป็นสายแรงดึงประมาณ 15 ปอนด์ขึ้นไปจะดี แต่เหยื่อต้องแข็งแรงใบพัดต้องแข็งแรงส่งเสียงดังบล๊อก! เป็นเสียงเรียกที่ไม่ผิดเพี้ยน
เหยื่อใบพัดเป็นเหยื่อที่มีจุดกำเนิดมาจากตัวเหยื่อกบ ประกอบด้วย 2 ส่วน ส่วนหลังที่เป็นใบพัดจะหมุนตีน้ำดัง บล๊อก ๆ ๆ ปลาอาจฟังว่าเป็นเสียงจ๊อกๆๆแบบกบกระโดดบนผิวน้ำจึงไล่กัด ติดเบ็ดสองทางที่หงายขึ้นไว้เข้าเต็มปาก เมื่อตอนถ่ายทำสารคดีส่องโลกทางช่อง 5 คุณสุธีสุทธิวงศ์ คิดทำเป็นตัวพิเศษเพื่อการถ่ายจะได้เห็นช่วงเวลาที่ปลาฮุบเหยื่อผิวน้ำได้ชัด ดูแล้วเร้าใจ แต่เหยื่อชุดแรกที่เขาถ่ายทำนั้นตัวปลาปลอมจะสั้นกว่าปัจจุบันเล็กน้อย ข้อเสียก็คือตัวเบ็ดตัวท้ายกับตัวกลางอาจเกี่ยวกันทำงานไม่สม่ำเสมอ แต่ปัจจุบันนี้เหยื่อทุกตัวได้รับการปรับปรุงให้ตัวเหยื่อยาวกว่าเดิมเล็กน้อย ซึ่งทำให้ตัวเบ็ดทั้งสองตัวสามารถทำหน้าที่ได้เต็มที่ทุกครั้งที่ตีเหยื่อไป เทคนิคในการตีเหยื่อใบพัดหรือเหยื่อบล๊อกๆ ให้ตีเหยื่อเข้าเป้าหมายอย่างแม่นยำ พอเหยื่อตกถึงน้ำให้ดึงเหยื่อกลับทันที เหมือนตุ๊กแกตกน้ำพอถึงน้ำมันจะกระโดดบนผิวน้ำต่อ การตีเหยื่อก็ต้องขึ้นอยู่กับการฝึกฝน และเดาเป้าหมายที่มีปลาถูกก็จะได้ผลทันที




2. การตกปลาด้วยเหยื่อปลอมกลางน้ำเราเรียกเหยื่อชนิดนี้ว่าเหยื่อปลั๊กมีสองชนิดคือชนิดปลั๊กน้ำตื้น 2 และชนิดปลั๊กน้ำลึก
ชนิดปลั๊กน้ำตื้น (ดำตื้น)เหยื่อชนิดนี้เป็นเหยื่อรูปร่างเหมือนตัวปลา มีปากสั้นไว้สำหรับกินน้ำส่ายไปมาเหมือนปลาว่ายน้ำ แต่จะว่ายอยู่ใกล้ ๆ ผิวน้ำ ส่วนใหญ่ไม่ว่าจะลากเหยื่อเร็วแค่ไหน ก็จะดำได้ลึกไม่เกิน 1 เมตรจากผิวน้ำ เหยื่อชนิดนี้ใช้ตีตามที่มีสาหร่ายตื้น แต่ต้องลากเหยื่อไม่ให้ติดสาหร่าย ถ้ามีปลาอยู่ใต้สาหร่ายมันจะขึ้นไล่กัดเหยื่อ

ชนิดปลั๊กน้ำลึก (ดำลึก)เหยื่อชนิดเป็นนี้เป็นเหยื่อที่มีรูปร่างเหมือนตัวปลา มีปากยาวไว้สำหรับกินน้ำลึกส่ายไปมาเหมือนปลาว่ายน้ำถ้าลากเร็วก็จะดำน้ำลึกอาจถึง 2 เมตรจากผิวน้ำ เหมาะสำหรับใช้ตกตามหน้าผาหรือแหล่งสาหร่ายลึกๆ เหยื่อสองชนิดนี้แต่ก่อนเมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว ทางคุณสุธีได้ผลิตขึ้นใช้ในหมู่ชมรมตกปลาด้วยกัน แต่มาระยะหลังไม่ได้ผลิตขึ้นมีบ้าง แต่น้อย ในหมู่นักตกปลาด้วยกันจะรู้ดีว่ามันทำยาก แอคชั่นไม่ค่อยดีเท่ากันทุกตัวการตั้งแอคชั่นยากมาก แต่ชนิดปลั๊กน้ำลึกยังใช้ได้ดีมาก
ปลาที่อยู่แหล่งน้ำลึกยังพอหาตกได้ เหยื่อชนิดนี้เวลาปลาติดเบ็ดจะเกิดวงพรายอากาศใต้น้ำ เราต้องสังเกตดูวงพรายใต้น้ำถ้าวงใหญ่ก็ตัวใหญ่ถ้าวงเล็กเล็กก็ตัวเล็กข้อสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ต้องระมัดระวังปลาจะพาเหยื่อไปติดตอใต้น้ำ ต้องขืนไว้ไม่ให้เข้าตอจึงจะได้ตัว

3. การตกปลาด้วยเหยื่อปลอมใต้น้ำ ถ้าพูดถึงการตกในน้ำจืดคงจะหมายถึงเหยื่อปลอมที่เรียกว่าสปูน เป็นเหยื่อปลอมสำหรับตกปลากระสูบใช้ตกปลาน้ำลึกผลดี แต่น้ำไม่ควรลึกเกิน 20 เมตร แหล่งที่ตกอาจจะเป็นหน้าผาหรือแหล่งตอไม้ใต้น้ำ การตีเหยื่อสปูนต้องปล่อยให้เหยื่อสปูนลงถึงพื้นแล้วหมุนรอกดึงสายกลับทันที เพราะทั่วไปปลากระสูบขึ้นฮุบผิวน้ำแล้วมันจะลงไปอยู่ตามตอไม้หรือกอไม้หรือกองหินใต้น้ำเสมอ ฉะนั้นเราต้องหย่อนเหยื่อให้ถึงปลา บางครั้งเราหมุนเหยื่อกลับมาจากพื้นเพียง 1-2 เมตรก็จะมีปลาฉวยเหยื่อแล้ว
การตีเหยื่อสปูนตกน้ำลึกเราจะไม่ตีเหยื่อไกล ๆ เพราะจะทำให้ตัวเหยื่อติดตอไม้ใต้น้ำแล้วปลดไม่ออก อาจเสียเหยื่อเราควรตีเหยื่อระยะใกล้ ๆ เท่านั้นเวลาที่ตัวเบ็ดเกาะตอ เราสามารถตวัดออกได้โดยไม่เสียเหยื่อ การตีเหยื่อปลอมแบบสปูนก็ต้องฝึกให้แม่นยำ เข้าเป้าหมายเหมือนการใช้เหยื่อปลอมแบบผิวน้ำ และการตีเหยื่อปลอมแบบสปูนถ้าตีปลาฝูง เวลาเหยื่อตกน้ำต้องลากเหยื่อสปูนมาบนผิวน้ำ จะถูกปลากระสูบไล่กัด

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เหยื่อปลาเกล็ดที่ได้ผลดีที่สุด




      เมื่อสักประมาณ  20  ปีก่อน  นักตกปลามักนิยมตกปลาสวายกันหน้าดินและตกปลาเกล็ดโดยใช้ทุ่นลอยโดยเฉพาะการตกปลาเกล็ดโดยใช้ทุ่นนั้น  เมื่อปลาเข้ามาเล่นเหยื่อจะให้ความรู้สึกที่เพลิดเพลินและตื่นเต้นมาก  เฝ้าดูทุ่นที่พลิ้วไหวไปมา  คอยลุ้นว่าเมื่อไหร่ทุ่นจะจม  หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมเหยื่อปลาเกล็ดถึงนิยมใส่นมเป็นส่วนผสมเริ่มแรกก็ไม่รู้หรอกว่าจะทำให้เหยื่อจับตัวกันดีและละลายช้า  แต่พอใช้น้ำเปล่าใส่แทนจึงได้ถึงบางอ้อ  ตอนนั้นที่ใช้นมก็เพียงแต่ต้องการกลิ่นของมัน  เลยเลือกใช้โฟรโมสต์กลิ่นกล้วยหอมกล่องสีเหลือง ตอนนี้คงไม่มีขายแล้ว(ผู้เขียนอยู่ในสหรัฐฯขณะนี้) ๋ก็ใช้นมรสหวานธรรมดาใส่หัวเชื้อกล้วยหอมเพียง 1 หยดเท่านั้น ครั้งแรกที่ใช้บึงรัชดาตรงข้ามปิบอินเจ๋งไปนานแล้ว  เข้าบ่อไปตอนบ่ายสลบกันทั้งบ่อมีเกือบ20 ึคัน  2  ช.ม. ตีไปได้แค่ 8  เม็ดได้ 8 ตัว หลังจากนั้นก็ตะเวณแข่งตามบ่อต่างๆ กวาดเงินรางวัลและถ้วยมามาก เหยื่อนี้นอกจากใช้ได้ดีตามบ่อตกปลาทั่วไปแล้วยังใช้ได้ดีในแหล่งธรรมชาติด้วย
ปลาที่ตกได้ปลาเกล็ดกินพืชแทบทุกชนิด  (ตัวสุดท้ายที่ตกได้ปลายี่สกหนัก  3  กิโล  ที่แม่น้ำบางปะกง)
ส่วนผสม
1. รำ
2.ข้าวสาร หรือ ข้าวเหนียว
3.งา
4.น้ำตาลทราย( เพื่อเพิ่มความหวานให้เหยื่อ)(รสชาดของเหยื่อทำให้ปลาเข้าแล้วไม่จากจนกว่าจะโดนเบ็ดหรือเหยื่อหมด)
5.นมรสหวาน
6.กลิ่นกล้วยหอม( เพียงหยดเดียว/นม 1 กล่อง )(ต้องการเพียงแค่กลิ่นหอมจางๆ เท่านั้น)
วิธีทำ
1.   ตั้งกะทะ  นำ  1  2  3  มาคั่วทีละอย่างจนหอมเหลือง(ระวังอย่าให้ไหม้)2.  นำ 2  3  มาปั่นละเอียด  ระวังอย่าให้ติดกลิ่นพริกจากเครื่องบดเป็นอันขาด  ( ไม่งั้นคุณอาจรับประทานแห้วได้ )3.  นำทุกอย่างผสมเข้ากัน  หอมอย่าบอกใครเชียว
วิธีใช้
1. ตะกร้อหน้าดิน  และเม็ดโฟ     UPDATE  ส่วนผสม  รำ  1  กิโล  ข้าวคั่ว  งา(ขาว)คั่ว  นำ ้ตาลทราย  ประมาณครึ่งกระป๋องนมข้น  ผสมเข้ากัน  แบ่งมาผสมกับ นมที่ผสมหัวเชื้อแล้ว 1 กล่อง จะได้ไม่เปลืองเงินซื้อนม  อีก   อย่างเหยื่อเหลือก็ทิ้ง  มาพูดปลอบใจตัวว่าอ่อยอีก  เสียดายของ  ส่วนผสมก็ลองดูกะกะเอา   เพราะผมส่วนใหญ่ก็ใช้ความชำนาญในการผสม  ไม่ต้องตวงหรอกมือนะกำ ๆ  เอา  ดม   พอหอมก็ลุยได้แล้ว เริ่มเข้าสู่ตำนานเหยื่อปลาเกล็ด   เหยื่อที่คุณจะประทับใจ  





    

วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แนะการตกปลาที่เขื่อน จุฬาภรณ์


 ก่อนอื่นผมขอออกตัวว่าผมหาไช่ซงไช่เซียนอะไรเป็นเพียงแค่คนที่ตกปลามากว่า30ปีเท่านั้นความรู้ที่จำมาจากประสบการณ์ก็แค่งูๆปลาๆ แค่พอแนะนำมือใหม่ๆ(เท่านั้นนะครับ)เอาเป็นว่าเริ่มกันเลยนะครับ
1.การตกปลาสิ่งแรกคือต้องหาหมายก่อนนะครับถ้าเป็นหมายเก่าที่เคยมีคนตกอยู่เป็นจำนวนมาก อันนี้ยากหน่อยนะครับ แต่ถ้าเป็นหมายที่ต้องเข้าไปลึกๆหรือนอนค้างคืน(พูดเเล้วอยากไปจัง) ค่อนข้างง่ายครับสิ่งเเรกต้องหาทำเลที่เหมาะๆ(บนฝั่งก็พิจารณาเอาเองนะครับ)ให้ดูที่ระดับน้ำเป็นสำคัญบางจุดยืนบนฝั่งตีไป50-60เมตรแล้วเป็นระดับน้ำที่ตื้นไม่พ้นหน้าอกอันนี้ ไม่ดีครับจุดที่ดีควรเป็นทางลาดลงจากเนินเขาหรือเนินดินที่พอตีเป็ดเเล้วต้องลึกพอสมควร (เทสดูได้จากการตีเหยื่อรำแล้วนับดูว่ารำตกลงถึงพื้นเมื่อใดอย่างน้อยเวลาเหยื่อตกลงน้ำแล้วควรนับได้ไม่ต่ำกว่า5-7วินาทีครับ)
2.เริ่มอ่อยเหยื่อเป็นเวลาอย่างน้อยสุด2-3วันนะครับโดยใช้เรือไปทิ้งรำอ่อยไว้ทุกๆวันวันละประมาณ15-30ก.ก.
3.อย่างใช้สูตรให้ยุ่งยากควรใช้รำใหม่ๆผสมขนมปังเเค่นี้ก็พอผสมเป็นก้อนๆหรือบางครั้งอาจจะใช้รำที่ไม่ได้ผสมใส่กระสอบปุ๋ยขนาดไม่ต่ำกว่า50ก.ก. แล้วเจาะรูไว้ให้ทั่วทั้งกระสอบจะเอาหินถ่วงด้วยซักก้อนก็ได้แล้วพายเรือไปทิ้งไว้บริเวรที่เราจะตก
4.ช่วง1-2วันแรกอย่าไปตกก่อนน่าจะรอดูให้ปลาเข้าก่อน โดยสังเกตุจากการขึ้นเล่นน้ำของปลาตอนเช้าๆหรือคอยดูจากฟองอากาศที่ขึ้นของปลา
5.พอเห็นว่าปลาเริ่มเข้าแล้วก็ผสมเหยื่อแล้วเริ่มตกได้
ปล.อย่าลืมดูบริเวรที่จะตกที่สำคัญไม่ควรจะมีต้นไม้ตายซากอยู่มากเกินไปเพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเวลาปลากินเหยื่อแทบทุกตัวอาจจะต้องลงดำน้ำลงไปปลดปลานะครับ ส่วนถ้าไปตกบริเวรที่คนตกกันเยอะๆเหยื่อน่าจะเป็นแบบนี้ครับ
1.ถ้ามีเพื่อนที่ตกก่อนเราก็ไปขอคำเเนะนำเรื่องเหยื่อจากเขาเลยเพราะการที่เขาตกก่อนเราปลาจะเคยชินกับเหยื่อที่เขาใช้
2.ถ้ามีเวลามากพอก็ทำเหยื่อสูตรของเราเอง(ดูได้จากกระทู้สูตรเหยื่อของอิสานฟิชชิงของเราได้นะครับ)เอาแบบกลิ่นค่อนข้างแรง น่าจะเป็นตระกูลเหยื่อหมักนะครับออกแนวเปรี้ยว+หอมๆก็พอได้แต่ที่สำคัญอย่าครับย้ำหย่าทำเหยื่อให้แข็งจนเกินไปไม่ไช่ว่าแช่เป็นชั่วโมงแล้วลากขึ้นมาเหยื่อยังเป็นก้อนๆอยู่ ใช้ไม่ได้นะครับ เอานิ่มๆเวลาปลาเข้ากินเหยื่อจะได้กินง่ายๆทดสอบการละลายเหยือจากตระก้อว่าใช้เวลานานเท่าใด เวลาได้เหยื่อหมักมาก็ให้ผสมกับรำไหม่ๆนวดให้นานๆเเล้วจะผสมเศษขนมปังเข้าไปจะได้เหนียวขึ้น อาจจะผสมหัวเชื้อนิดหน่อยก็ได้เช่น กล้วย นมเนยครีม หรือเหมยเขียว วารีได้ทั้งนั้น แล้วเอาไปทิ้งบริเวรที่จะตกทุกวัน(เยอะๆหน่อยจะได้เปลี่ยนกลิ่นเหยื่อที่ปลาชอบมาเป็นกลิ่นของเราที่อ่อยไว้) อ่อยไว้ไม่น่าจะเกิน3-5วันปลาน่าจะเข้าของเรา(บ้าง)น่าจะได้ดึงนะครับพี่น้องครับ ขอให้โชกดีนะครับ...
ข้อเขียนนี้มิไช่ข้อเขียนที่ดี(มาก)แต่เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนความรู้กับพี่น้องขอผมเเละน้องๆมือใหม่ๆ หากท่านอื่นๆมีความเห็นเสริมได้จะดียิ่งขึ้นเพื่อเป็นการแบ่งปันความรู้เเก่พี่ๆน้องๆของ่เรานะครับพี่น้องครับบบ...      

วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

การตกปลาฉลาม



      ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจกันเสียก่อนว่า วิธีการตกปลานั้นไม่มีสูตรตายตัวเหมือนกับการเล่นกีฬาอื่นๆ  กฎของสมาคมกีฬาตกปลานานาชาติมีเพียงข้อบังคับไว้ว่า  อะไรควรทำหรือไม่ควรทำเท่านั้น  
     ดังนั้น  การที่คนๆหนึ่งใช้วิธีการตกปลาอย่างหนึ่ง  ในขณะที่อีกคนหนึ่งอาจใช้วิธีการแตกต่างกันก็ได้  ซึ่งก็ถือว่าไม่ผิด  เนื่องจากไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว
การตกปลาฉลามก็เช่นเดียวกัน  มีวิธีตกกันได้หลายวิธีแตกต่างกันไป  แต่วิธีที่ผมเคยใช้ตกมาเป็นประจำ คือ (เดี๋ยวนี้หยุดตกแล้วครับ)
     รอกทรอลลิ่ง  ที่โครงสร้างแข็งแรง  ขนาดตั้งแต่ 30 ปอนด์ขึ้นไป  ส่วนคันเบ็ดจะเป็น คันทรอลลิ่ง  หรือคันสแตนด์อัพก็ได้  ขนาดเดียวกับรอก
     ตัวเบ็ด  ใช้ชนิดแข็งพิเศษ ขนาดตั้งแต่  8 / O ขึ้นไป ทั้งชนิด  เบย์คิงฮุค ( Bay king Hook )  ทูน่าฮุค (Tuna Hook) และ ไทแทนฮุค  (Titan Hook) ผูกต่อกันสักสองตัว  ตัวที่สองห่างจากตัวแรก โดยให้สั้นกว่าความยาวของตัวเหยื่อเล็กน้อย
     สายลีดเดอร์  ควรใช้เป็นแบบลวดถัก‹ลายเส้นจะเหมาะกว่าชนิดลวดเดี่ยว  (เพราะไม่มีโอกาสที่ลวดจะม้วนเป็นหูหนู ซึ่งจะทำให้ขาดได้ง่าย) จะเป็นลวดหุ้มไนล่อนหรือไม่ก็ได้  ขนาดแรงดึงประมาณ 2-3 เท่าของสายเบ็ด   ความยาว  2-3 เมตรขึ้นไป(คะเนว่าให้ยาวกว่าความยาวของฉลามที่คาดว่าจะมีอยู่ในบริเวณนั้น)  เพราะหากสั้นเกินไปเวลาที่ฉลามว่ายหนี ลำตัว และแพนหางของมันซึ่งมีความสากมากพอๆกับกระดาษทราย  ก็จะโบกเสียดสีกับสายเอ็นทำให้สายเอ็นขาดได้ง่ายๆ
     ลูกหมุน  ต้องมีขนดใหญ่ชนิด Ball Bearing หรือไม่ก็ได้  แต่ต้องทนแรงดึงได้ไม่ต่ำกว่าแรงดึงของสายลีดเดอร์  และควรหลีกเลี่ยงการใช้คลิพทุกชนิด
     ส่วนอุปกรณ์ช่วยอื่นได้แก่  เข็มขัดสู้ปลา,   ตะขอเกี่ยว,   เชือกขนาดใหญ่,   กระบองทุบหัวปลา (อันนี้สำคัญมาก  อย่าละเลยเป็นอันขาด)
     สำหรับเหยื่อใช้ได้หลายชนิดเช่น  ปลาเต็กเล้งปลาโอปลาสากหมึกหอม  ฯลฯ  เพราะฉลามเป็นปลาค่อนข้างตะกละ  กินปลาทุกอย่างที่พบเห็น  (จนได้ชื่อว่า ผู้เก็บขยะแห่งท้องทะเล)  ดังนั้นเกี่ยวกับเรื่องเหยื่อไม่ค่อยซีเรียสเท่าใดนัก  ใช้ปลาอะไรก็ได้ที่ตัวโตๆมาทำเหยื่อ พี่หลามชอบทั้งนั้น
     สำหรับผม ชอบใช้ปลาเต็กเล้งมาทำเหยื่อตกฉลาม  เพราะกลิ่นคาวจัด  หากในบริเวณนั้นมีฉลามอาศัยอยู่ไม่ไกลนักก็รับรองว่าได้อัดแน่ๆ
     วิธีเกี่ยวเหยื่อ  เอาเต็กเล้ง (ยิ่งตัวโตยิ่งดี) มาตัดท่อนหัวและท่อนหางออกให้เหลือความยาวราวๆฟุตเศษๆ   จากท่อนหางแล่ด้านข้างทั้งสองด้านขึ้นมาราวๆ 3-4 นิ้ว  หั่นกระดูกออก (เพื่อให้ปลายพริ้วไหวเมื่อน้ำไหล)  กรีดด้านข้างลำตัว (ไม่ใช่ส่วนที่แล่) ทั้งสองด้าน ให้เป็นบั้งๆ  สัก3-4 บั้ง  เอาเบ็ตตัวสุดท้ายเกี่ยวจากท่อนหัวของเต็กเล้งโดยวิธีฝังให้สายลีดเดอร์ซ่อนอยู่ในตัวเหยื่อ  (แบบเดียวกับใช้เข็มเย็บผ้า)  ไปจนเกือบสุดด้านปลายที่จุดสิ้นสุดของกระดูก  ใช้คมเบ็ดเกี่ยวฝังไว้ที่ส่วนปลายโดยให้ก้านเบ็ดฝังอยู่ในเนื้อปลาเต็กเล้งและปลายคมเบ็ดหงายออกมา  สำหรับเบ็ดตัวบนให้เกี่ยวซ่อนไว้ที่ปลายด้านบนของชิ้นเหยื่อ  ก็เป็นอันว่าจบกระบวนการเกี่ยวเหยื่อ
     เรื่องของปลาที่จะเอามาทำเหยื่อตกฉลามนี้  ผมเคยใช้ปลาช่อนน้ำจืดเป็นๆ โตขนาดประมาณข้อมือ เกี่ยวหลัง (แบบตกปลาชะโด) ที่หน้าพัทยา  ปรากฎว่าฉลามเข้ากินเหยื่ออย่างรวดเร็ว  จนการใช้ปลาช่อนน้ำจืดทำเหยื่อฮิทกันอยู่พักใหญ่  คุณๆเชื่อกันหรือไม่
     บริเวณที่จะลงเหยื่อ  ต้องเลือกเอาที่เป็นร่องน้ำลึกในบริเวณนั้น  ผูกตะกั่วถ่วง (ลูกค่อนข้างโต)  ห่างจากเหยื่อ  15~20 เมตร โดยประมาณ  เซ็ทเบรกของรอกค่อนข้างอ่อน  เพียงไม่ให้กระแสน้ำลากสายออกไปได้ก็พอ  ปักคันเบ็ดแล้วก็นั่ง รอ  รอ  รอ  ๆ ๆ ๆ ๆ จนกว่าฉลามจะหลงกลเข้ามากินเหยื่อ
     เมื่อสัญญาณรอกดังขึ้นเบา  อย่าเพิ่งจับคันมาตวัด  ปล่อยดูเชิงเขาก่อน  สักพักต่อมารอกจะร้องอีกเป็นจังหวะสั้นๆ  ต่อมาร้องอีกเป็นจังหวะก็ให้จับคันเบ็ดมาถือเตรียมพร้อมไว้  หากปลาคาบเหยื่อสัญญาณรอกก็จะร้องเป็นช่วงสั้นๆถี่   ต่อเมื่อสัญญาณดังรัวเสียงยาว  ยัง  อย่าตวัดคันเบ็ด  รอนับ  1-2-3-4-5  ช้าๆไปจนครบสิบแล้วเซ็ทเบรกให้เข้าที่  ตานี้หละ มีแรงเท่าไรก็ตวัดปลายให้สุดแรงเลย  หากจะตวัดแบบซาดิสม์ก็ล่อสักหลายๆครั้ง (ตามที่เห็นบ่อยๆในฟิชชิ่งปาร์คบางแห่ง)  ให้สะใจ   แล้วอัดเถิด  จะเล่นกันตัวต่อตัวมีรุม ก็แล้วแต่อัธยาศัย
     หากคุณเป็นผู้พิชิตได้โดยลากมาได้ถึงข้างเรือได้แล้ว  หากเป็นฉลามตัวโต  ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่อันตราย  ระวังอย่าเพิ่งใช้ตะขอไปเกี่ยวเขาเข้าล่ะ  ขั้นแรกให้พยายามใช้เชือกที่เตรียมไปทำเป็นบ่วง (อย่าลืมผูกปลายสายไว้กับเสาเรือให้แน่นหนามั่นคง) คร่อมสายเบ็ดแล้วพยายามหย่อนลงไปผูกที่โคนหางให้ได้  เมื่อคล้องได้แล้ว ดึงเชือกให่บ่วงรัดโคนหางจนแน่น  จากนั้นก็ผ่อนเบรกของรอกให้อ่อนสุด  และพาคันเบ็ดออกห่างจากบริเวณ  ดึงเชือกที่ผูกโคนหางให้ตึง ตะขอจะมีบทบาทในช่วงนี้แหละ  รีบใช้ตะขอเกี่ยว (หากเป็นไปได้เกี่ยวบริเวณใต้คาง  หรือหากเกี่ยวยากก็ให้เกี่ยวตรงส่วนท้อง  จะทำให้มันช็อคชั่วขณะ)  จากนั้นก็ช่วยกันลากเขาขึ้นมา  เมื่อลากเอาฉลามขึ้นมากองอยู่บนพื้นเรือได้แล้ว  สิ่งแรกที่ควรรีบทำก่อนอื่นเพื่อความปลอดภัย คือ  เอากระบองแพ่นกระบานให้หมดพิษสงเสียก่อน  ชะงัดที่สุดก็คือบริเวณปลายจมูก  แพ่นเข้าไป 2-3 เปรี้ยงก็จะสงบ  หลังจากนั้นจะแอ็คชั่นถ่ายภาพ หรือจะทำอะไรกันก็ตามสะดวก  แต่อย่างเพิ่งวางใจพี่แกให้มากนักนะ
     ตานี้  เมื่อได้ฉลามขึ้นมาแล้ว  คุณคิดบ้างหรือเปล่าว่า  จะใช้ประโยชน์อะไรจากร่างของเขา  หากตกเพราะไม่คยตก  อยากจะรู้ว่าฉลามสู้เบ็ดรุนแรงขนาดไหน  บัดนี้คุณก็ได้สัมผัสรับรู้ถึงความมันทั้งหลายแหล่แล้ว  จากนี้ต่อไปอย่าตกเป็นตัวที่สองเลย  ปล่อยให้มันสืบพันธุ์มีลูกหลานกันต่อไปเหอะ  เพราะปัจจุบันนี้  แถวบางเสร่แหล่งฉลามที่ขึ้นชื่อลือนามในอดีต  แทบจะไม่มีฉลาม (ตัวโตๆ) ให้เห็นกันอีกแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556

การทำเบ็ดไม้ไผ่


       สมัยก่อนการทำคันเบ็ดนั้นไม่มีการใช้วัสดุแปลกปลอมเหมือนทุกวันนี้  คนโบราณ   ใช้ไม้ไผ่ในการทำคันเบ็ดเพราะเหตุที่ว่าไม้ไผ่นั้นมีความเหนียวแข็งแรงไม่หักง่ายเหมือนกับไม้ทั่วไป จึงมีการเลือกเฟ้นหาไม้ไผ่ที่มีลักษณะที่ดีมาทำคันเบ็ด  การเลือกไม้ไผ่มาทำคันเบ็ดนั้นก็ไม่ยากอะไรนัก  โดยมีเทคนิคดังนี้
ขั้นที่ 1 การเลือกก็ต้องเลือกไม้ไผ่ที่มีความแก่ๆ  ไม่ต่ำกว่าสามน้อง   นี้เป็นภาษาที่ใช้เรียกไม้ไผ่ที่จะนำมาใช้   คำว่าน้องหมายความว่า ปี สามน้องก็หมายความว่า   ไม้นั้น   มีอายุไม่ต่ำกว่า สามปีนั่นเองไม้ไผ่ที่แก่  จะมีเนื้อไม้ที่มีสีแดงเมื่อฟันไม้ดูที่โคนตอ   สีจะแดงจัดนั้นคือไม้แก่จัด หากว่าฟันดูแล้วไม่แดงมาก แสดงว่าไม้ไม่ได้อายุไม่ดีไม่เหมาะที่จะมาทำ   แต่ก็ใช้ได้เสียตรงที่ว่าอายุของการใช้งานจะไม่ยาว   และก็ไม้จะไม่มีความยืดหยุ่น
ขั้นที่  2  ดูปล้องของไม้   ไม้ที่เหมาะกับการที่จะนำมาทำคันเบ็ดนั้นปล้องจะต้องถี่มากๆ  ยิ่งมากเท่าไรก็ยิ่งดี   เพราะจะทำให้ไม้มีความแข็งและสปริงตัวได้ดียิ่งขึ้น และปล้องจะต้องเสมอกันไปตลอดทั้งลำยันปลาย 
ขั้นที่  3  เมื่อตัดมาแล้วหงายตูใต้ไม้ตรงโคนนั่นแหละ   รูจะต้องตัน   หากจะมีรูก็อย่าให้มีมากนัก   ควรเลือกโคนที่ต้นดีที่สุด 
เมื่อได้สเป็กตามความต้องการแล้วก็นำเอามา  ตัด  เหลา  เกลา  กลึง   ให้เป็นที่เรียบร้อย   ใช้กระดาษทรายถูตามข้อให้เรียบ   อย่าใช้มีดเพราะว่ามีดจะทำให้เปลือก   หรือผิวของไม้ไผ่เสียฉีดขาด  ทางที่ดีเราควรใช้ไม้ไผ่นั่นแหละดีที่สุด   เมื่อทำการแต่งเรียบร้อยแล้ว   ขั้นตอนต่อไปคือการแช่ในน้ำเกลือ    ขั้นตอนนี้อาจจะยากเสียก่อน   หาท่อเอสล่อน   มาทำรางแช่ให้ได้ตลอดทั้งลำเอาน้ำเกลือ   เข้มข้นใส่ลงไปแล้วนำเอาไม้ไผ่แช่ให้ตลอดทั้งลำ  ทิ้งเอาไว้อย่างนั้นสัก  10  วันให้น้ำเกลือซึมเข้าไปในเนื้อไม้ให้ทั่วจนอิ่มน้ำ ขั้นตอนนี้   เพื่อทำให้ไม้ไผ่รัดตัวแน่นขึ้นอีก   ไม้จะมีสปริงขึ้นอีกเท่าตัว  และยังเป็นการที่ทำให้เนื้อไม้ไม่มีอะไรมารบกวน  เช่น ปลวก  มอด  เป็นต้น เมื่อเสร็จขั้นตอนนี้แล้วต่อไปก็เอาไม้ออกมาแล้วทำการถ่วง   วิธีการถ่วงนั้นไม่มีอะไรมากหรือยากเย็น  เพียงแต่เราหาที่สูงๆ  ขนาดที่แขวนไม้ไผ่ได้ทั้งลำโดยไม่ติดพื้น   เมื่อได้แล้วก็เอาไม้ไผ่แขวนเข้าให้แน่นหนาแล้วอะไรก็ได้ที่มีน้ำหนักมากๆ  ถ่วงเอาไว้อย่างนั้นหลายๆ   วันจนกว่าไม้จะแห้งสนิท  อย่าใจร้อนเป็นอันขาดให้แห้งจริงๆ  แล้วจึงปลดมาทำการผูกสายใส่เบ็ดนำเอาไปทดลองใช้ได้เลยครับ

การตกปลาชายฝั่งทะเล (ริมหาด) Surf fishing

      รูปแบบการตกปลาชายฝั่งทะเลด้วยเหยื่อจริงนั้นมีหลายลักษณะ ได้แก่ การตกหน้าดินการตกด้วยทุ่นลอย ซึ่งหวังผลได้น้อยกับหาดบ้านเรา โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้วิธีตกหน้าดิน ซึ่งพอจะ มีโอกาสสำเร็จบ้าง โดย เหยื่อที่ใช้ตกปลาหน้าดิน ขึ้นอยู่กับประเภทของปลาที่จะตก สามารถใช้ได้ทั้งเหยื่อเป็น และเหยื่อตาย โดยส่วนใหญ่เหยื่อเป็นจะเน้นตกปลาล่าเหยื่อ เช่น กะพง ปลาสีเสียด ปลาสาก ฯลฯ ซึ่งการตกปลาด้วยเหยื่อเป็น สำหรับตกชายฝั่งทะเล ค่อนข้างทำได้ยาก และไม่ค่อยนิยม เนื่องจากหวังผลได้ยากมาก ที่นิยมมากที่สุดก็จะเป็นใช้เหยื่อตาย โดยทั่วไปจะใช้เหยื่อสด เช่น ปลาหมึก ปลาทูแขก ปลากระบอก ปลาทราย ปู ซึ่งการตกปลาทะเลบริเวณที่มีโขดหิน นั้นนิยมใช้เหยื่อ ปลาหมึก และปลามากที่สุด โดยนำมาแล่ เป็นชิ้น แล้วเกี่ยวตก ปลาทะเลส่วนใหญ่จะกินปลาหมึกมากกว่าเหยื่อชนิดอื่น ปลาที่ได้ผลกับเหยื่อปลาหมึก เช่น ปลากะมงขาว ปลากะมงพร้าว ปลาครูดคราด ปลากุเลา ปลากะพงขาว ปลาเสียด ปลาเก๋า ปลากระเบน ปลาตะมะ ปลาปากแหนบ และปลาอื่นๆ ฯลฯ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่นั้นๆ ด้วย เช่นบางพื้นที่ก็นิยมเหยื่อกุ้งครับ

การเลือกคันเบ็ด
การตกปลาชายฝั่งทะเลนั้น จำเป็นต้องทำระยะพอสมควร คันเบ็ดจึงต้องค่อนข้างแข็งแรง เวทค่อนข้างแข็ง ควรมีความยาว( Length) 9 ฟุต ขึ้นไป weight ของคันควร ประมาณ 12-25 lb กำลังดี ไม่ควรอ่อนเกินไป เพราะการงัดปลา ก็ทำได้ยาก และคันควรมีน้ำหนักเบา สปริงตัวได้เร็ว เช่น คันประเภท กราไฟท์ หรือไฟเบอร์ ก็ได้ และกำลังค่อนข้างสูงสปริงตัวดีดกลับได้ดี
การเลือกรอกตกปลา
รอกตกปลาหน้าดินชายฝั่งทะเลนั้น เลือกได้กว้าง เพียงแต่เลือกขนาดให้เหมาะสม ถ้าใหญ่เกินไป ก็จะหนักและตีเหยื่อทำระยะได้ไม่ดี ถ้าเล็กไป ก็จะจุสายได้น้อย รอกต้อง ทนต่อน้ำเค็มได้ดี แข็งแรง และ ดูแลรักษาง่ายครับ
การเลือกสาย
สายเอ็นที่ใช้ ต้องคำนึงให้เหมาะสมกับรอกและคัน จะสามารถทำระยะได้ไกล และ แข็งแรงเพียงพอครับ
การเกี่ยวเหยื่อ
ขอแนะนำการเกี่ยวเหยื่อโดยใช้หมึก เพราะเหยื่อที่นิยมใช้ และได้ผลมากที่สุด ถ้าจะให้ดีที่สุด เหยื่อต้องสด จึงจะได้ผลดี (โดยไปตกหมึกมาทำเหยื่อเอง วิธีการเก็บปลาหมึกที่ตกได้นั้น ควรนำปลาหมึกที่ได้ใส่ในถุงมัดให้แน่นอย่าให้น้ำเข้าแล้วแช่แข็งไว้ สามารถเก็บไว้ตกได้นาน เนื้อปลาหมึกยังคงใส และสดอยู่ ข้อสำคัญคือ ไม่ควรแช่ปลาหมึกโดนน้ำแข็งโดยตรง จะทำให้เนื้อปลาหมึก สีข้น แข็ง ไม่เหมาะที่จะทำเหยื่อ ) แต่ถ้าไม่มีก็หาซื้อหมึกในตลาด ก็พอนำมาใช้ได้ครับ

การเลือกทำเล
นับว่าเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด เพราะถ้าเลือกตำแหน่งไม่ดี โอกาสที่จะได้ปลามียากมาก จุดที่เหมาะสม สังเกตได้ง่ายโดย ถ้าจุดที่เราลงเหยื่อเพียงครั้งแรก ก็ติดหินแล้วแสดงว่า บริเวณนั้นหินค่อนข้างมาก ควรหลีกเลี่ยงไปจุดอื่นที่ใกล้เคียง เพราะปลา ปลามักอยู่บริเวณกองหิน ดังนั้นควรลงเหยื่อบริเวณใกล้ๆ กันครับ

ช่วงเวลาที่เหมาะสม
ช่วงเวลาที่ตกปลาหน้าดินได้ดีที่สุด มักจะเป็นช่วงเวลา ช่วงเช้า 05.30น .-9.30 น. และช่วงเย็นประมาณ 15.30 – 18.30 น. นอกนั้นก็มีโอกาสได้บ้าง ขึ้นอยู่กับ ระดับน้ำ สังเกตว่าการตกปลาโดยทั่วไปจะตกเวลาเดียวกันคือ ช่วงเช้า และช่วงเย็นครับ

ช่วงเวลาข้างขึ้น ข้างแรม
ในช่วงกลางวัน จะไม่ค่อยมีผลนัก แต่ถ้าเป็นการตกปลากลางคืน มักจะได้ผลกับช่วงข้างขึ้นมากๆ ตั้งแต่ 10 ค่ำ จนถึง 13 ค่ำ เพราะช่วงนี้ กระแสน้ำไม่ไหลแรงมากเกินไป ช่วงเวลาน้ำขึ้นและน้ำเต็ม ปลาจะกินดีกว่า โดยเวลาที่เหมาะที่สุด ปลากินดี คือ ช่วงเช้า และเย็น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานที่นั้นๆ ด้วยนะครับ